Daily Devotion

January 27, 2016
ข้อคิดจากพระธรรม สุภาษิต 14:20-24 พระคริสตธรรมคัมภีร์ฉบับมาตรฐาน (THSV)ซึ่งเป็นข้อความที่ได้รับการเน้นด้วยสีเขียวจากพระคัมภีร์ฉบับมาตรฐาน วิถีจัดการด้านการเงิน ซึ่งเปิดตัวเมื่อ 28 มีนาคม 2015
คนยากจนนั้นแม้เพื่อนบ้านของตนก็รังเกียจ
แต่คนมั่งคั่งมีสหายมากมาย
คนที่ดูหมิ่นเพื่อนบ้านของตนก็เป็นคนบาป
แต่คนที่เมตตาคนยากจนก็เป็นสุข
คนที่คิดการชั่วนั้นไม่ผิดหรือ?
ส่วนคนที่คิดการดีก็พบความจงรักภักดีและความซื่อสัตย์
มีกำไรอยู่ในงานที่เหนื่อยยากทุกอย่าง
การเพียงแต่พูดนั้นโน้มไปทางความขาดแคลน
มงกุฎของคนมีปัญญาคือความมั่งคั่งของเขา
แต่ความโง่เป็นพวงมาลัยของคนโง่
คนยากจนนั้นมักจะถูกเพื่อนบ้านดูถูก และหากจะไม่ตกอยู่ในความยากจนก็ต้องยอมเหนื่อยยาก ไม่ใช่เพียงแต่พูด ต้องลงมือกระทำด้วย ส่วนคนมั่งมีนั้นก็จะมีเพื่อนมาก ในขณะเดียวกันคนมั่งมีก็ไม่ควรดูถูกคนยากจน แต่ควรมีความเมตตาต่อเขา คนที่มีปัญญานั้นจะไม่คิดการชั่ว และถึงแม้เขาจะไม่มีเงินทองมาก แต่ปัญญาที่เขามีก็จะนำมาซึ่งความมั่งคั่ง ส่วนคนโง่นั้นไม่ว่าเขาจะแต่งตัวอย่างไร คนทั่วไปก็จะเห็นความโง่ของเขา
เมื่อเราเดินไปตามท้องถนน เรามักจะสังเกตเห็นว่า คนเราจะเดินให้ห่างจากคนที่ยากจนหรือดูทรุดโทรม แต่ขณะที่คนที่แต่งตัวดี ก็จะมีคนอยากเข้าใกล้ แต่พระธรรมตอนนี้เตือนเราไม่ให้ดูถูกคนยากจน แต่ให้เรามีใจเมตตาต่อคนเหล่านั้นที่ทุกข์ยากลำบาก ในขณะเดียวกันไม่ว่าเราจะอยู่ในฐานะอะไร เราควรขยันขันแข็งในการทำงาน เพราะไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ แต่จะต้องออกแรง จึงได้ผลตอบแทนกลับมา และเมื่อเราจะทำอะไรเราต้องใช้สติปัญญาที่มาจากพระเจ้า ไม่ใช่คิดแผนการณ์ที่ชั่วร้าย
เมื่อเราเดินไปตามท้องถนน เรามักจะสังเกตเห็นว่า คนเราจะเดินให้ห่างจากคนที่ยากจนหรือดูทรุดโทรม แต่ขณะที่คนที่แต่งตัวดี ก็จะมีคนอยากเข้าใกล้ แต่พระธรรมตอนนี้เตือนเราไม่ให้ดูถูกคนยากจน แต่ให้เรามีใจเมตตาต่อคนเหล่านั้นที่ทุกข์ยากลำบาก ในขณะเดียวกันไม่ว่าเราจะอยู่ในฐานะอะไร เราควรขยันขันแข็งในการทำงาน เพราะไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ แต่จะต้องออกแรง จึงได้ผลตอบแทนกลับมา และเมื่อเราจะทำอะไรเราต้องใช้สติปัญญาที่มาจากพระเจ้า ไม่ใช่คิดแผนการณ์ที่ชั่วร้าย
