Daily Devotion

June 3, 2016
ข้อคิดจากพระธรรม สุภาษิต 28:23-24 พระคริสตธรรมคัมภีร์ฉบับมาตรฐาน (THSV) ซึ่งเป็นข้อความที่ได้รับการเน้นด้วยสีเขียวจากพระคัมภีร์ฉบับมาตรฐาน วิถีจัดการด้านการเงิน ซึ่งเปิดตัวเมื่อ 28 มีนาคม 2015
ผู้ที่ตักเตือนคนอื่น จะได้รับความโปรดปรานภายหลัง
มากกว่าผู้ที่ใช้ลิ้นป้อยอ
คนที่ขโมยของของบิดาหรือมารดาของตน
และพูดว่า “อย่างนี้ไม่ผิด”
เขาก็เป็นเพื่อนของนักทำลาย
คนที่ตักเตือนคนอื่น อาจจะไม่เป็นที่ชื่นชอบในตอนแรก แต่ต่อมาภายหลังเมื่อมีผลดีเกิดขึ้น ก็จะได้รับความโปรดปรานจากผู้ถูกเตือน ในทางกลับกันคนที่ป้อยอคนอื่นมักจะได้รับความชื่นชมจากผู้ที่ได้รับคำยอ แต่เมื่อผลที่แท้จริงออกมา ก็จะถูกตำหนิ ลูกที่หยิบของพ่อแม่ไปโดยไม่บอกกล่าวถือว่าเป็นคนขโมย และหากไม่มีการว่ากล่าวและไม่มีการแก้ไข เขาจะกลายเป็นหัวขโมยที่เลวร้าย
พ่อแม่ไทยมักจะมีนิสัยเกรงใจลูก เมื่อเห็นลูกทำผิดก็ไม่ค่อยกล้าว่ากล่าวตักเตือน บางคนก็รักลูกมากจนไม่อยากให้ลูกลำบาก ลูกอยากได้อะไรก็ให้ โดยไม่สอนให้ลูกเห็นคุณค่าของเงิน เมื่อลูกทำผิดก็มักจะบอกว่า “ไม่เป็นไร” ตัวเองก็ทนลำบากไปเรื่อยๆ หารู้ไม่ว่า เมื่อเราไม่สอนลูกตอนนี้ เมื่อลูกโตขึ้นก็ต้องเจอกับความยากลำบากและแก้ไขปัญหาไม่เป็น ถ้าเราปล่อยให้ลูกทำผิดต่อเรา เมื่อเขาโตขึ้น เขาก็จะไปทำผิดต่อคนอื่น และบทลงโทษที่เขาต้องเจอนั้นจะหนักกว่าคำเตือนของเรามากมายนัก