Daily Devotion
September 21, 2016
ข้อคิดจากพระธรรม ปัญญาจารย์ 7:11-14 พระคริสตธรรมคัมภีร์ฉบับมาตรฐาน (THSV) ซึ่งเป็นข้อความที่ได้รับการเน้นด้วยสีเขียวจากพระคัมภีร์ฉบับมาตรฐาน วิถีจัดการด้านการเงิน ซึ่งเปิดตัวเมื่อ 28 มีนาคม 2015 ปัญญาดีกว่ามรดก และเป็นประโยชน์แก่คนที่ได้เห็นดวงตะวัน เพราะว่า ปัญญาเป็นเครื่องป้องกันเช่นเดียวกับที่เงินเป็นเครื่องป้องกัน แต่ประโยชน์ของความเข้าใจคือ ปัญญาให้ชีวิตแก่ผู้เป็นเจ้าของปัญญานั้น จงพิจารณาพระราชกิจของพระเจ้า สิ่งที่พระเจ้าทรงทำให้คด ใครจะเหยียดให้ตรงได้เล่า? ในเวลาที่ได้รับสิ่งดีๆ ก็จงชื่นชมยินดี แต่ในเวลาที่ได้รับสิ่งร้ายๆ ก็จงพินิจพิจารณา พระเจ้าทรงบันดาลให้มีทั้งสองอย่าง เพื่อมนุษย์จะค้นไม่พบว่า เมื่อเขาล่วงไปแล้วจะมีอะไรตามเขามาในภายหลัง
การส่งต่อมรดกด้านทรัพย์สินเงินทองก็ดี แต่การส่งต่อปัญญาก็ดีกว่า คนที่ได้เห็นดวงตะวันคือลูกหลานที่เกิดมาแล้วมีชีวิตรอด ไม่ได้แท้งไป ปัญญานั้นมีจุดดีเหมือนเงินทองที่ใช้เป็นตัวป้องกันอันตราย แต่ดีกว่าเงินก็คือมันให้ชีวิตด้วย ปัญญายังสอนให้เรารู้จักจัดการกับตัวเองเวลาที่ได้รับสิ่งดีๆ และรู้จักตอบสนองต่อเวลาที่ได้รับสิ่งร้ายๆ
คนที่เป็นพ่อแม่มักจะปรารถนามอบสิ่งที่ดีและสิ่งที่มีค่าไว้ให้ลูก พ่อแม่หลายคนได้เตรียมมรดกที่เป็นทรัพย์สินเงินทองไว้ให้ลูกอย่างมากมาย แต่ลูกบางคนพ่อแม่ยังไม่ทันตายเลยก็ผลาญไปหมดแล้ว เพราะพ่อแม่ไม่ได้สอนให้เขาดูแลรักษาทรัพย์สมบัติอย่างไร แถมไม่ได้สอนวิธีหาด้วย สอนแต่วิธีใช้อย่างเดียว พ่อแม่ได้ถ่ายทอดปัญญาให้น้อยมาก ถึงแม้จะส่งลูกไปเรียนหนังสือ แต่ก็ไม่ได้รับปัญญา เพราะคิดว่ามีเงินแล้ว ก็อยากได้ความรู้อย่างไรก็ได้ โดยไม่ได้เอาใจใส่จริงๆ บางครั้งลูกก็ได้รับค่านิยมผิดๆ จากเพื่อนฝูง พ่อแม่ก็ไม่สนใจ เพราะมัวแต่ทำมาหากิน และเก็บเงินไปเรื่อยๆ พ่อแม่ได้ให้ลูกพบแต่สิ่งดีๆ ในชีวิต เมื่อเขาเจอสิ่งร้ายในชีวิตก็ทำอะไรไม่ถูก พ่อแม่ไม่ควรปกป้องลูกมากเกินไป แต่ควรอยู่เคียงข้างเมื่อเขาเจอเหตุร้าย และสอนเขาให้รู้จักวิธีแก้ปัญหา